9.24.2558

[แปลบทสัมภาษณ์] Konno Yoshio no Soudanshitsu [059-062]



*ในบทสัมภาษณ์นี้จะมีผู้ถามด้วยนะครับ ผมขอแทนด้วยตัวย่อMCแล้วกัน

-ศูนย์ปรึกษาปัญหาชีวิตของคนโนะ โยชิโอะ-

      โนกิซากะรุ่น2ที่โดดเด่นทั้งสามคน พวกเธอมีปัญหาหนักอกหนักใจอย่างลับๆ เพราะฉะนั้นเราจึงขอเปิดห้องให้คำปรึกษากับผู้จัดการวงโนกิซากะ46 "คุณคนโนะโยชิโอะ" แล้วสุดท้ายปัญหาของทุกคนจะสามารถคลี่คลายลงได้หรือไม่!?

MC : เชิญคุณโฮริเข้ามาก่อนเลยครับ

โฮริ : ฉันมีเรื่องอยากจะถามค่ะ ทำไมฉันถึงผ่านออดิชั่นมาได้ทั้งๆที่ไม่ได้โดดเด่นเลยคะ มันน่าประหลาดมากค่ะ

คนโนะ : ไม่ๆ มิโอนะน่ะโดดเด่นมากตั้งแต่ต้นเลยล่ะ

โฮริ : เอ๋! งั้นหรือคะ?

คนโนะ : โดดเด่นอันดับหนึ่งเลยล่ะ

โฮริ : อ้า อ้า..

คนโนะ : ตอนสัมภาษณ์ ผมคิดว่าเด็กคนนี้มีอะไรพิเศษมากมายเลยล่ะ แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าอะไร แต่นั่นก็ทำให้พวกเราจดจำตัวเธอได้ครับ

MC : ช่วยอธิบายทีครับว่าหมายความว่าอย่างไร

คนโนะ : เธอไม่ได้ดูมุ่งมั่นเท่าไหร่ ก็จริงอยู่ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจ แต่สำหรับเธอมันกลับกัน ยิ่งทำให้ตัวเธอเด่นขึ้นมากๆเลยล่ะ

MC : คุณโฮริทำอะไรบ้างครับในตอนนั้น

โฮริ : ตอนให้แสดงความสามารถพิเศษฉันทำอะไรไม่เป็นเลยค่ะ คิดอย่างเดียวว่าต้องทำให้กรรมการประทับใจให้ได้ แต่ก็นึกเรื่องตลกๆไม่ออก สุดท้ายเลยพูดเรื่องไร้สาระอย่าง "ฉันเป็นคนผมบางค่ะ" อะไรทำนองนี้ไปค่ะ

คนโนะ : อืม เป็นการเล่าเรื่องไร้สาระที่หน้าตายมากครับ เธอเล่าได้อย่างไม่รู้สึกอะไรเลยครับ ซึ่งก็ตรงกับมิโอนะที่ทุกคนรู้จักกันในตอนนี้ใช่มั้ยล่ะครับ

MC : สิ่งที่คุณคนโนะมองเห็นความโดดเด่นในตัวเด็กๆตั้งแต่แรกคืออะไรครับ

คนโนะ : บอกชัดๆไม่ได้น่ะครับ ก็ดูโดยรวมตั้งแต่รูปลักษณ์ไปจนถึงบรรยากาศรอบตัวเธอทั้งหมดครับ

MC : แล้วมีทริคในการสร้างความประทับใจมั้ยครับ

คนโนะ : อืม... ถ้าเตรียมมาดีๆมันจะไม่ค่อยน่าสนใจครับ ตัวเองที่เสแสร้งสร้างขึ้นมามันไม่ทำให้เราประทับใจครับ

MC : ในทางกลับกัน ถ้าแสดงความจริงใจออกมาจะดีใช่มั้ยครับ

คนโนะ : ใช่ครับ มันน่าสนใจกว่า ไม่ต้องทำอะไรเกินความสามารถ พวกเราดูออกครับ

MC : ดูออกเหรอครับ

โฮริ : ไม่รู้สินะคะ

MC : คงจะกังวลว่าทำไมถึงได้เข้ามาตรงนี้สินะครับ แต่ยังไงๆก็ต้องมีเหตุผลอยู่ด้วยแน่นอน เพราะฉะนั้นมั่นใจในตัวเองเข้าไว้นะครับ

โฮริ : ขอบคุณค่ะ ขอถามอีกข้อได้มั้ยคะ จากนี้รุ่นที่2ควรจะทำยังไงต่อไปดีคะ

คนโนะ : แล้วมิโอนะคิดว่ายังไง

โฮริ : พวกเราควรนำโนกิซากะให้ก้าวสูงขึ้นไป ถึงตอนนี้จะมีรุ่นที่1เป็นหลัก แต่รุ่น2ก็ต้องพยายามเต็มที่ เพื่อปกป้องคำว่าโนกิซากะเอาไว้ค่ะ

คนโนะ : เทียบกันแล้วรุ่น2ก็ออกมาข้างหน้าน้อยกว่าจริงๆแหละครับ เพราะออร่าของรุ่นหนึ่งเขาได้เปล่งออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปทุกคนก็จะมีออร่าออกมากันแหละครับ

MC : ทำไมคุณโฮริถึงอยากจะถามเกี่ยวกับรุ่นที่2ล่ะครับ

โฮริ : ก็เป็นเพราะรุ่นที่2ไม่ค่อยมีใครได้เป็นซบส.น่ะค่ะ แต่ว่าพวกเราเองก็รู้ตัวเองนะคะว่ายังขาดอะไรอยู่

MC : แล้วขาดอะไรครับ

โฮริ : ความมั่นใจค่ะ พวกเรายังแสดงความกังวลใจออกมาทางสีหน้าบ่อยๆ ซึ่งนั่นจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี

คนโนะ : มิโอนะเป็นรุ่นสองที่ใกล้ชิดกับผมที่สุด เพราะงั้นผมฝากไปบอกทุกคนว่ามีความมั่นใจกันหน่อย แล้วเปล่งประกายไปด้วยกันนะ

MC : มีวิธีสร้างความมั่นใจมั้ยครับ

คนโนะ : มันขึ้นอยู่กับแฟนๆและคนรอบข้าง เช่นขายบัตรจับมือหมด หรือถ่ายรูปออกมาดี หรือได้รับความวิจารณ์ที่ดีๆ ทั้งหมดนี้มีส่วนให้เรามีความมั่นใจขึ้นมานะ

โฮริ : เข้าใจแล้วค่ะ

คนโนะ : รุ่นที่1เค้าทดลองซ้ำๆกันมาหลายรอบจนได้ เพราะงั้นรุ่นที่2ที่มีความมั่นใจก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เช่นกัน ต่อไปไม่ต้องสนว่าเป็นรุ่นหนึ่งหรือรุ่นสองแล้ว

--------------------------------------------

MC : ต่อไปเป็นคุณคิตาโนะครับ

คิตาโนะ : ในซิงเกิ้ลที่แล้ว จู่ๆฉันก็ถูกเลือกให้ยืนแถวหน้าในเพลงอันเดอร์ [Wakaregiwa Motto Suki ni Nareru] ฉันเลยสงสัยค่ะว่าทำไมถึงได้เป็นฉัน

คนโนะ : เมื่อก่อนมีนักฟุตบอลที่รับส่งลูกอย่างดี แต่พอชู๊ตกลับไม่เข้าประตู พอไปถามเขาว่าทำไมถึงยิงไม่เข้า เขาก็ตอบว่าก็เพราะส่งลูกมาเร็วเกินไปน่ะสิ

คิตาโนะ : หมายความว่ายังไงเหรอคะ

คนโนะ : หมายความว่ายังไงเหรอ เหตุผลของการที่ได้มายืนแถวหน้ามันไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือ เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ตรงนี้เราสามารถสร้างความประทับใจได้มั้ย ยิงเข้าประตูได้หรือเปล่า ตรงนี้มันสำคัญกว่าน่ะ

คิตาโนะ : .......

คนโนะ : ถ้าถามเหตุผลจริงๆคงเป็นความบังเอิญด้วยล่ะ ที่โชคมันหมุนมาทางเธอ แล้วผลลัพธ์ล่ะเป็นยังไงบ้าง?

คิตาโนะ : ฉันก็...

คนโนะ : อืม นั่นแหละที่อยากจะชม จากคนที่เต้นไม่ได้เรื่องเลยจนเอาจนได้ ที่จริงผมเองก็แอบเป็นห่วงอยู่เหมือนกันนะ แล้วเธอรู้สึกอย่างไรกับการได้มายืนแถวหน้าบ้าง

คิตาโนะ : เป็นเป้าหมายของฉันมาตลอดเลยค่ะ ในที่สุดก็ทำได้สำเร็จแล้ว

คนโนะ : งั้นพอแค่นี้มั้ย

คิตาโนะ : ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ ฉันเคยรู้สึกสบายใจที่เดินนำหน้ารุ่นที่2ทุกคนก้าวนึงมาก่อน แต่พอรุ่น2ทุกคนเลื่อนขั้นจากเคงคิวเป็นสมาชิกเต็มตัว ก็พูดอย่างสบายๆไม่ได้อีกแล้ว

คนโนะ : เพราะเธอเคยเป็นนัมเบอร์ทูของรุ่นที่2 เพราะฉะนั้นชะล่าใจไม่ได้เชียวนะ

คิตาโนะ : ฉันคิดมาตลอดว่าควรจะยืนจุดไหนดีนะ เข้าวงมา1ปีกว่า แต่ก็เอื้อมไปแตะตำแหน่งซบส.ไม่ถึงซักที เริ่มจะถอดใจแล้วล่ะค่ะ จู่ๆก็อยากจะร้องไห้

คนโนะ : การที่เคยเป็นซบส.มาก่อน การจะเข้าไปใหม่อีกครั้งมันเป็นเรื่องยาก ต่อไปก็คิดว่าจะทำอะไรตามใจตัวเองใช่มั้ยล่ะ ก้าวขึ้นไปให้ขึ้นจุดสูงสุดและเป็นตัวของตัวเอง จนกว่าจะได้เป็นซบส.ก็ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด

คิตาโนะ : (พยักหน้า) ดูพวกรุ่นพี่ก็คิดตลอดเลยค่ะว่า อยากจะเป็นแบบนั้นบ้างจัง ซักวันหนึ่งจะแซงขึ้นไปให้ได้เลย

คนโนะ : แต่ก็แซงได้แล้วนี่ ได้เป็นถึงนางแบบโกอินเตอร์เชียวนะ

คิตาโนะ : อย่าพูดเรื่องนั้นสิค้า~

คนโนะ : แต่ก็เป็นเรื่องจริงนะ เธอเป็นคนที่แอนนาซุยเลือก และครีเอเตอร์ชั้นนำที่นิวยอร์คต่างก็เห็นชอบด้วยกันเชียวนะ มั่นใจหน่อยสิ

คิตาโนะ : หยุดเถอะค่า

คนโนะ : ในตัวคิตาโนะมีพรสวรรค์ที่มหาศาลซ่อนอยู่นะ แต่ถ้ามันถูกปลุกให้ตื่น เธออาจจะควบคุมมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนซะ มั่นใจเข้าไว้แล้วพยายามให้เต็มที่ ว่าไง ทำได้มั้ย

คิตาโนะ : ค่ะ จะพยายามค่ะ

--------------------------------------------

MC : คนถัดมาคุณเทราดะครับ

เทราดะ : ฉันเป็นคนไม่มีความสามารถทางการสื่อสารเลยค่ะ ในวงก็มีหลายคนที่ไม่เคยคุยกันมาก่อน พอโดนบอกว่าที่ไม่ค่อยคุยเป็นเพราะคาแรกเตอร์ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดน่ะค่ะ ฉันไม่รู้วิธีการเข้าหาคนอื่นเลยค่ะ

คนโนะ : ผมเองตอนเพิ่งเข้าบริษัทก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เฮโลตามคนอื่นไม่ได้ ชวนคนอื่นคุยก็ไม่เก่ง ถึงจะทำงานในส่วนโฆษณาก็เถอะครับ

เทราดะ : แล้วทำยังไงคะ

คนโนะ : คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็แย่แน่ แล้วเหมือนสวิตช์ในตัวก็ติดขึ้นมา กลายเป็นอีกคนเลยล่ะ

เทราดะ : ฉันเองก็พยายามจะเป็นคนใหม่นะคะ แต่หลายคนก็บอกว่าฉันเข้าถึงยาก พอลองไปปรึกษาอิโต้คารินดู เธอบอกว่าฉันใช้คำสุภาพมากเกินไปจนดูน่ากลัวน่ะค่ะ

คนโนะ : ไม่น่ากลัวหรอก แต่พูดไม่สุภาพบ้างก็ได้นะ

เทราดะ : ได้เหรอคะ

คนโนะ : ได้สิ ลองคิดว่าเป็นการเรียนรู้ไปแล้วกัน ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่คงแย่แน่ ก็ต้องลองเปลี่ยนอะไรซักอย่าง ว่าแต่เธอได้ไปร่วมวงกินข้าวกับเมมเบอร์ตอนทัวร์หน้าร้อนทุกครั้งหรือเปล่า

MC : วงกินข้าว?

เทราดะ : เป็นการร่วมวงกินข้าวด้วยกันทุกครั้งหลังไลฟ์จบน่ะค่ะ ถึงจะไม่ได้บังคับว่าต้องเข้า แต่ก็ไปแทบทุกครั้งค่ะ

คนโนะ : แต่เห็นเด็กหลายๆคนกลับโรงแรมทันทีนะ จะว่าไปตอนที่ไปโอซาก้าก็เห็นคารินร่วมโต๊ะกับรุ่นที่หนึ่งนะ ทั้งๆที่ถ้าอยู่กันเฉพาะรุ่นที่สองอาจจะสนุกกว่าก็ได้แท้ๆ มันเป็นเพราะความกระตือรือร้นด้วยล่ะนะ

เทราดะ : ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ

คนโนะ : แล้วหลังจากนั้นได้คุยกับคนอื่นมากขึ้นหรือเปล่า

เทราดะ : ก็มากขึ้นนิดหน่อยค่ะ

คนโนะ : ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถในการสื่อสารกันทั้งนั้นนะ ก่อนอื่นก็ยิ้มแย้มร่วมสนุกไปกับวงด้วย ทุกคนก็จะคิดว่ารันเซก็มาด้วยนี่นา แล้วสุดท้ายทุกคนก็จะเปิดรับเธอเข้าไปเอง การสื่อสารมันต้องเริ่มจากการที่เธอส่งความรู้สึกออกไปนะ

MC : แล้วมีวิธีการเปิดสวิตช์ที่ว่าบ้างมั้ยครับ

คนโนะ : ผมว่าแรงกระตุ้นมันสำคัญกว่าวิธีการ ถ้ามีเป้าหมายแล้วยังไงก็เปิดสวิตช์นั้นได้แน่ๆครับ

เทราดะ : ค่ะ

คนโนะ : ไม่รู้หรอกนะว่าการเป็นซบส.แล้ว สำหรับเทราดะมันจะเป็นแรงกระตุ้นอันดับหนึ่งหรือเปล่า แต่ว่านะ ถ้ามีเป้าหมายแล้วก็ตั้งมั่นเอาไว้ ยังไงๆก็สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้แน่นอน ซักวันเธอจะเป็นเทราดะรันเซที่ใครๆก็อยากจะเข้ามาคุยด้วยก็เป็นไปได้นะ

เทราดะ : ขอบคุณค่ะ จะพยายามค่ะ

--------------------------------------------

แปลบทสัมภาษณ์จากหนังสือ Nogizaka x Weekly Playboy [หน้า059-062]


9.22.2558

[แปลบทสัมภาษณ์] Another Story (054-058)




Nogizaka46 Monogatari
Another Story
[ค่ำคืนก่อนไลฟ์อันเดอร์ ~ในความมืดมิดก่อนฟ้าสาง~]

    ในโนกิซากะ46นั้น มีการแสดงที่ชื่อว่า"อันเดอร์ไลฟ์"อยู่ ซึ่งหมายถึงการแสดงที่จัดขึ้นโดยผู้ที่ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นซบส.เท่านั้น แต่เป็นที่ร่ำลือกันว่า การแสดงของพวกเธอมีพลังเหนือกว่าเหล่าซบส. และได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม

    “เราจะขยี้แบบแผนของอันเดอร์ทิ้ง"
    พวกเราไม่ได้เป็นตัวสำรอง"
    เหล่าอันเดอร์ที่ยืนอยู่ในจุดที่แสงส่องไปไม่ถึง ได้สร้างความเชื่อมั่นเหล่านี้ขึ้นมา และสร้างจุดยืนที่เป็นของพวกเธอเองเท่านั้น

    อันเดอร์ไลฟ์เริ่มต้นในช่วงซิงเกิ้ลที่ 8 [Kitzuitara Kataomoi] และนั่นเองก็เป็นจุดเริ่มเรื่องของ Another Story

----------------------------

โนโจ อามิ - ความท้อแท้ของผู้มากประสบการณ์
    โนโจอามิในวัยเด็ก เธอมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่ก่อนขึ้นชั้นประถม โดยแม่ของเธอให้เธอใช้เวลาทั้งสัปดาห์ไปกับการเรียนทั้งร้องเพลง เต้น การแสดงต่างๆตลอด6ปีในช่วงประถมศึกษา

    ครั้งแรกที่เธอเข้ารับการออดิชั่นคือช่วงประถม3 ในละครเวทีเรื่อง "อานี" ละครเวทีที่เด็กผู้หญิงมากมายต่างชื่นชอบ แต่ผลปรากฏว่าเธอตกรอบ2 และได้สูญเสียความมั่นใจไป

    หลังจากนั้นเธอเข้าออดิชั่นงานต่างๆในวงการบันเทิงมาเรื่อยๆ โดยเน้นงานนักแสดงเป็นหลัก เธอผ่านเข้าถึงรอบสุดท้ายอยู่หลายครั้ง และช่วงหนึ่งเธอยังเคยสังกัดกลุ่มไอดอลหนึ่งในเกาะคิวชูด้วย

    ช่วงนั้น บริษัทที่สังกัดเขาบอกว่า อยากจะสร้างไอดอลกรุ๊ปที่จังหวัดฟุคุโอกะ เลยอยากให้ไปอยู่ที่นั่น แต่ว่าฉันอาศัยอยู่ที่นี่(แถบโตเกียว) เลยไม่มีโอกาสได้ไปแสดงซักเท่าไหร่ แต่ทั้งอย่างนั้น ก็ยังถูกเลือกให้เป็นเซ็นเตอร์ค่ะ"

    และแล้วโนโจ ที่เคยผ่านทั้งการเรียนการแสดงและเคยเป็นเซนเตอร์วงไอดอล ก็ผ่านออดิชั่นโนกิซากะ46 ในช่วงหน้าร้อนของมัธยมปลายปีที่1

    ท่ามกลางเมมเบอร์ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน โนโจผู้ผ่านประสบการณ์มามากมายนั้นมีความมั่นใจไม่น้อย แต่ทว่าความมั่นใจเหล่านั้นก็ค่อยๆถูกทำลายลงไป

    นอกจากซิงเกิ้ลแรก [Guruguru Curtain] และซิงเกิ้ลที่4 [Seifuku no Mannequin] แล้ว เธอก็ไม่เคยถูกเลือกให้เป็นซบส.เลย

    ตอนนั้นอันเดอร์ไม่มีงานอะไรให้ทำเลยจริงๆค่ะ ช่วงนั้นเลยไปโรงเรียนตามปกติ แล้วก็สงสัยว่าตัวเองอยู่ในวงโนกิซากะ46หรือเปล่านะ ตอนถูกเลือกเป็นซบส.อีกครั้งในซิงเกิ้ลที่4 บานาน่าแมนบอกว่าฉันเป็นคนตลกดี ตอนนั้นเลยคิดออกว่า อ๋อ ที่แท้ถูกเลือกมาเพื่อสร้างสีสันรายการวาไรตี้นี่เอง หลังจากนั้นเลยพยายามมาก 

แต่หลังจากนั้นมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ฉันกดดันให้ตัวเองพูดเรื่องตลกๆออกมา แต่ก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปเสียจนได้ ฉันตั้งทาคายามะ คาสึมิ ขึ้นเป็นคู่แข่งเพื่อให้ตัวเองพยายามมากขึ้น แต่ก็ไม่ถูกเลือกให้เป็นซบส.อีกเลยตั้งแต่ซิงเกิ้ลที่4เป็นต้นมา"

    ตอนช่วงประถม เธอเคยเรียนการแสดงเพื่อหวังจะเป็นนักแสดงในอนาคต เคยถูกเลือกเป็นเซนเตอร์ในวงไอดอลกลุ่มหนึ่ง แต่ตำแหน่งอันเดอร์นั้นค่อยๆทำให้เธอหยุดชะงัก แต่ก้าวต่อไปไม่ได้

----------------------------

นาคาโมโตะ ฮิเมกะ – สาวน้อยเรียบง่าย
    นาคาโมโตะ ฮิเมกะ ไปโรงเรียนสอนร้องเพลงและเต้น เนื่องจากแม่ของเธอเป็นผู้แนะนำ

    ฉันเริ่มหัดเต้นตอนป.1 และเข้าโรงเรียนสอนเต้นจริงๆจังๆตอนป.4 ตอนนั้นทำตามที่แม่แนะนำ ไม่ได้คิดจริงจังเลยค่ะ เพื่อนที่โรงเรียนทุกคนอยากเป็นนักเต้นในอนาคตกันทั้งนั้น แต่ฉันกลับบอกว่าอยากเป็นช่างตัดขนสุนัขค่ะ 555 ฉันไปเรียนพิเศษต่างๆเพิ่ม ส่วนเรื่องการออดิชั่น คุณแม่จะเป็นคนหามาให้เลยไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไร"

    บ้านของเธออยู่ที่จังหวัดฮิโรชิม่า พี่น้องของเธอประกอบด้วยเธอ พี่สาว และน้องสาว

    พวกเราเป็นพี่น้อง3สาวค่ะ พี่สาวไม่ได้ทำอะไรแบบนี้เลย เธอเรียนเก่งมากๆค่ะ ส่วนน้องสาว เธอร้องเพลงเก่งมากตั้งแต่เด็ก เลยเอาดีทางด้านนี้มากกว่าการเรียนค่ะ ทั้งสองคนต่างก็โดดเด่นกันคนละด้าน ฉันเป็นคนครึ่งๆกลางๆ ไปโรงเรียนสอนเต้นก็จริง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอยากจะทำงานในวงการบันเทิงค่ะ"

    การออดิชั่นต่างๆ คุณแม่ของฉันเป็นคนช่วยหาให้ แต่ว่าการออดิชั่นวงโนกิซากะ46เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจเองค่ะ ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็คิดว่าน่าสนุกจังเลยนะ อยากลองทำจัง แต่ตอนนั้นเป็นช่วงม.ปลายปี3พอดี สมมติถ้าออดิชั่นไม่ผ่าน ก็คงจะเลิกไปเรียนเต้นแล้วหันมาสอบจริงๆจังๆแทนไปแล้ว ฉันเลือกสมัครรุ่นที่1 เพราะถ้าเป็นรุ่นที่2ฉันคงกลัวพวกรุ่นพี่จนไม่กล้าแน่ๆค่ะ 555”

    และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอตั้งใจทำมันด้วยตัวเอง เธอออดิชั่นและผ่านเข้ามาได้อย่างงดงาม แต่ทว่า เธอก็ยังไม่ถูกเลือกเป็นซบส.อยู่ดี

    เพราะเป็นคนมีชีวิตเรียบง่ายมาตลอด พอเข้าวงโนกิซากะ46มา ก็เริ่มท้อค่ะ ตอนแรกที่ไม่ได้เป็นซบส.ก็ฮึดสู้ขึ้นมา แต่ว่าตารางงานก็ว่างเปล่า ตอนนั้นในรายการโนกิซากัตเตะโคโคะ ที่ฉายเฉพาะทางอินเตอร์เน็ต เพื่อนๆบอกว่าฉันมีบีมออกมาจากดวงตา เลยกลายเป็นท่าไม้ตายฮิเมตันบีมขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวางเท่าไหร่ ตอนช่วงซิงเกิลที่3 [Hashire! Bicycle]เป็นช่วงที่เริ่มถอดใจค่ะ

    พอฉันมาลองคิดตอนนี้ ตอนที่ซ้อมฉันก็ไม่ได้ทุ่มเทด้วยพลังจริงๆ เป็นอันเดอร์ที่ยืนอยู่ริมสุดค่ะ ในMV [Seifuku no Mannequin] ทุกคนได้ออกในMVกันหมด แต่ฉันเป็นคนที่ยืนสุดขอบ กังวลมากๆเลยค่ะ"

    เธอถูกเลือกเป็นซบส.ซิงเกิลที่7 [Baretta] แต่ก็หลุดกลับไปเป็นอันเดอร์อีกครั้งในซิงเกิลที่ 8

    ฉันคิดอยากเลิกหลายครั้งค่ะ"

----------------------------

นาคาดะ คานะ – ไปสู่ไอดอลในอุดมคติ
    ฉันไม่ได้อยากเป็นไอดอลหรอกค่ะ ในทางกลับกัน ฉันมาออดิชั่นเพื่อให้ได้เป็นเพื่อนกับไอดอล เป็นแค่กิจกรรมของโวตะไอดอลค่ะนาคาดะ คานะ เมื่อมองย้อนกลับไป มันเป็นเพียงความคิดของคนที่คลั่งไอดอลมากๆ

    ความจริง ไม่ได้ตั้งใจจะมาออดิชั่นหรอกค่ะ ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับคนที่มาออดิชั่น แลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อ แล้วสนิทกันค่ะ และที่โรงเรียนมีกฏห้ามทำกิจกรรมในวงการบันเทิงด้วยค่ะ"

    เธอออดิชั่นด้วยความคิดเช่นนั้น และผลปรากฏว่าเธอผ่านการออดิชั่น เธอจึงโทรไปแจ้งข่าวนี้ให้แม่ของเธอทราบ

    ฉันบอกแม่ให้ช่วยโทรไปลาออกจากโรงเรียนค่ะ เพราะคิดว่านี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ จากนั้นก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนที่ฉันสามารถทำงานในวงการบันเทิงได้ แม่ของฉันโกรธมาก เพราะท่านวางแผนให้ฉันเรียนกวดวิชาตั้งแต่ประถม เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย และหางานดีๆได้ ท่านแทบไม่เชื่อเลยค่ะ แต่ว่าพ่อเข้าใจ ความจริงพ่อดูเหมือนว่าอยากจะให้ฉันเป็นไอดอลน่ะค่ะ พ่อชอบHello! Projectมาก เลยให้ไปออดิชั่นตั้งแต่เด็กๆค่ะ"

    ตั้งแต่นาคาดะเข้ามาในวง เธอถูกเลือกให้เป็นชิจิฟุคุจิน และในซิงเกิ้ลที่2เธอก็ถูกวางให้อยู่ในตำแหน่งแถวหน้า

    แต่ทว่า หลังจากนั้นตำแหน่งของเธอก็ค่อยๆถอยร่นลงมาเรื่อยๆ ทีละนิดๆ

    ในซิงเกิลที่4 [Seifuku no Mannequin] เป็นครั้งแรกที่ไม่ถูกเลือกเป็นซบส. หลังจบการประกาศในรายการโนกิโดโคะ ฉันร้องไห้เสียงดังต่อหน้าทุกคนในห้องพักค่ะ ช่วงนั้นพอดีตรงกับตอนที่ตัดสินใจเลือกไม่สอบเข้ามหาลัยต่อ ฉันทำพฤติกรรมแย่ๆกับอันเดอร์เมมเบอร์ไปค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ"

    หลังจากนั้น เธอกลับมายืนในตำแหน่งซบส.ในซิงเกิ้ลที่5และ6 และหลังจากนั้นเธอก็ตกไปเป็นอันเดอร์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทำให้เธอแน่วแน่กว่าเดิม

    ฉันคิดว่าสักวันหนึ่งต้องได้กลับไปเป็นซบส.แน่นอนค่ะ แต่ว่าฉันเองก็มีสิ่งที่อยากจะทำให้ได้อยู่เหมือนกัน ฉันชอบการแสดงไลฟ์ของAKB48มากๆ ถ้าเป็นไอดอล ยังไงๆก็ต้องมีไลฟ์ เลยอยากให้มีไลฟ์ของอันเดอร์บ้าง ถึงมันจะเล็กแค่ไหนก็ตามค่ะ"

    นาคาดะคานะที่คลั่งไคล้ไอดอลมากๆ ขณะเดียวกันกับที่เธอทุ่มเทแรงกายให้กับอันเดอร์ เธอยังครุ่นคิดถึงการเป็นไอดอลในอุดมคติอีกด้วย

----------------------------

เอโต้ มิสะ – ประวัติอาชญากรรมครั้งยิ่งใหญ่
    โซนี่มิวสิคจัดการออดิชั่นครั้งใหญ่ที่สุดทั่วประเทศ นั่นคือการออดิชั่นโปรเจคท์โนกิซากะ46 ด้วยเหตุนี้ ในวงโนกิซากะ46จึงมีคนที่เคยผ่านงานบันเทิงมาอย่างเช่นโนโจอามิรวมอยู่ด้วย

    ในบรรดาเมมเบอร์ทั้งหมด คนที่เคยมีชื่อปรากฏในวงการที่น่าจดจำที่สุด คือเอโต้มิสะ เธอเคยรับรางวัลกรังปรีด์ของมิสแม็กกาซีนในเดือนกรกฎาคม ปี2011

    ตอนเดือนเมษายน ปี2011 มีแมวมองเข้ามาทัก ตอนนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งจบม.ปลายและย้ายเข้ามาในโตเกียวพอดีค่ะ ออดิชั่นที่ไปครั้งแรกคือมิสแม็กกาซีนค่ะ อยากจะเป็นนักแสดง และชื่นชอบมิสแม็กกาซีนคนก่อนเช่นคิตาโนะคีมากๆด้วยคะ เลยคิดว่าตรงนี้อาจจะเป็นประตูก้าวสู่การเป็นนักแสดง เลยลองเข้ามาประกวดดู พอได้รางวัลก็ตกใจมากๆเลยค่ะ"

    การเข้ามาอยู่ที่โตเกียว แล้วเปล่งประกายในตำแหน่งมิสแม็กกาซีนในทันทีนั้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าเชื่อของผู้หญิงคนนี้

    ฉันชื่นชมAKB48จริงๆนะคะ ฉันเองถึงอยากจะเป็นนักแสดง แต่ความอยากเป็นไอดอลก็รุนแรงไม่แพ้กันค่ะ เลยลองเข้ามาออดิชั่นโนกิซากะ46 ทุ่มเทด้วยพลังที่มี ถ้าได้อยู่ในวงนี้อาจจะทำให้เปล่งประกายมากขึ้นค่ะ ฉันเองก็เพิ่งอายุ18 เพิ่งเข้ามาโตเกียว ความใฝ่ฝันเลยสูงมากๆค่ะ

    เธอแบกความฝันนี้ ก้าวเข้าไปสู่การออดิชั่นโนกิซากะ46 และแล้วเธอประสบความสำเร็จอย่างงดงาม อนาคตที่สดใสดูเหมือนว่ากำลังรอคอยเธออยู่

    ความจริงแล้วฉันแทบไม่ได้รู้สึกถึงความพิเศษของการเป็นมิสแม็กกาซีนเลยค่ะ เป็นเพียงคนที่ถูกเลือก ไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันอะไรเลย ทุกๆคนในวงต่างเริ่มต้นในจุดเดียวกันทั้งสิ้น ฉันที่มีตำแหน่งมิสแม็กกาซีนอยู่ ยิ่งทำให้ใครๆคาดหวังว่าจะสามารถทำได้มากกว่าคนอื่น เป็นความกดดันที่ทรมานจริงๆค่ะ"

    เนื่องจากเธอเคยมีตำแหน่งมิสแม็กกาซีน ทำให้นักข่าวมากมายต่างมุ่งความสนใจไปที่ตัวเธอ และคิดว่าเธอจะเป็นผู้ที่นำพาวงโนกิซากะ46ให้โด่งดังแน่ๆ

    แต่ในความเป็นจริงที่โหดร้าย เธอไม่ได้ถูกเลือกให้อยู่ในซบส.

    ตอนนั้นฉันกังวลมากๆเลยค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้แตกต่างกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ในช่วงแรกแฟนๆคงจะตื่นเต้นไปกับวงโนกิซากะ46ว่าวงนี้จะถูกย้อมออกมาเป็นสีอะไร แต่คนที่เคยมีประวัติเคยเป็นมิสแม็กกาซีนมาก่อน(เธอเทียบว่าเหมือนประวัติอาชญากรรม) ทำให้เคยถูกย้อมสีมาแล้ว ให้คิดว่าไม่มีอคติมันก็เป็นไปไม่ได้ค่ะ ถ้าได้ยืนตำแหน่งแถวหน้า คงจะมีคนคิดว่าฉันได้ยืนตรงนี้เพราะเป็นมิสแม็กกาซีนมาก่อนสินะ ความจริงก็ดีใจกับตำแหน่งมิสแม็กกาซีนที่ได้รับมากๆเลยนะคะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่เราไม่ได้ยืนในซบส.เป็นเพราะตำแหน่งนี้สินะ"

    ประวัติอาชญากรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้เธอต้องพิสูจน์ตัวเอง ในขณะนี้เธอกำลังค่อยๆก้าวไปข้างหน้าช้าๆทีละก้าว

----------------------------

นากาชิมะ เซย์ระ – ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ
    นากาชิมะเซย์ระมีพี่ชาย2คน เธอจึงเป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงให้เติบโตและแข็งแกร่งอย่างเด็กผู้ชาย ที่โรงเรียนเธอเป็นคนประเภทที่สามารถพูดคุยได้กับทุกคนโดยไม่เกี่ยงว่าเขาเป็นเพศชายหรือหญิง เป็นคนที่เก่งที่สุดหรือห่วยที่สุดในโรงเรียน

    เพราะการมีพี่ชายสองคนทำให้ติดนิสัยเป็นคนพูดจาโผงผาง คำพูดเหล่านั้นอาจจะทำคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนี้ ตอนมัธยมต้นทำให้ไม่มีเพื่อนผู้หญิงค่ะ จากนั้นก็เริ่มระวังว่าสิ่งที่พูดไป คนอื่นเขาจะคิดยังไงกันนะ ฉันเริ่มคิดก่อนพูด และคอยให้กำลังใจเพื่อนๆอยู่เสมอค่ะ"

    ตอนช่วงมัธยมปลาย เธอเป็นคนดังที่มีเพื่อนๆอยู่รายล้อมตลอด และในช่วงม.ปลายปีที่2 เธอก็ผ่านการออดิชั่นเข้ามาในวงโนกิซากะ46

    ในวันที่จะต้องไปโตเกียว เพื่อนๆทุกคนในชั้นร่วมกันจัดงานเลี้ยงอำลา เพื่อนในชมรมฟุตบอลที่เป็นผู้จัดการและรุ่นพี่ที่จบไปแล้วก็มาจัดงานเลี้ยงอำลาให้กำลังใจด้วยค่ะ หลังจากเลิกงานฉันก็กลับบ้านไปครั้งนึง ก่อนจะตรงไปสถานีนาโกยะค่ะ

    ปรากฏว่าทุกคนยืนคอยตรงทางเข้ารถไฟชินคันเซ็นทั้งๆที่เพิ่งจะบอกลากันไปเมื่อกี้ค่ะ พอฉันเข้าเกทแล้ว ทุกคนตะโกนพร้อมกันว่า "เซย์ระสู้เค้านะ!" (เซย์ระกัมบาเระ) ทุกคนร้องไห้กันหมดเลยค่ะ ขนาดผู้ชายที่ปกติไม่ค่อยร้องไห้ก็ยังร้องค่ะ เพราะเพื่อนดีทุกคน ทำให้การจากลาเป็นเรื่องที่ทรมาณค่ะ"

    นากาชิมะเซย์ระเข้าโตเกียวเพื่อเริ่มการใช้ชีวิตเป็นไอดอล โดยแบกเสียงเชียร์และความคาดหวังของเพื่อนๆเอาไว้เต็มอก แต่ทว่าเธอก็ยังไม่สามารถตอบแทนความหวังเหล่านั้นได้เสียที

    ทั้งๆที่ฉันหวังจะได้เป็นซบส.แต่ก็ไม่เคยได้เป็นซักทีเลยค่ะ มันทรมาณมาก การเป็นอันเดอร์มันแทบไม่มีงานให้ทำเลยค่ะ ปกติรายการโนกิซากัตเตะโดโคะ จะมีแต่ซบส.ไปออกรายการเท่านั้นค่ะ ตอนประกาศซบส. เพื่อนโทรมาบอกว่า ไม่เป็นไร เราจะรอดูเธอนะ ไม่ว่าเซย์ระจะยืนอยู่ตรงไหนฉันก็จะคอยเชียร์เธอเสมอนะ"

    ทุกๆวันผ่านไปอย่างยากลำบาก จนกระทั่งเข้าสู่ซิงเกิ้ลที่5 [Kimi no na wa Kibou] เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับเลือกเป็นซบส.

    ตอนที่ประกาศซบส.เป็นช่วงเดือนมกราคม ตรงกับช่วงที่สอบเข้ามหาลัยพอดีเลยค่ะ เพื่อนโทรมาบอกฉันว่า ขอบคุณนะเซย์ระที่ติดซบส.ได้ เหมือนเธอให้ความหวังกับพวกเราเลย」「เธอเข้าซบส.ได้ในช่วงใกล้สอบแบบนี้ พวกเราก็ต้องพยายามเข้าเหมือนกัน」”

    ความพยายามของเธอสำเร็จได้ด้วยดี และได้ต่อยอดให้กับเพื่อนๆของเธอด้วย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ซิงเกิ้ลที่6เป็นต้นมา เธอก็กลับไปเป็นอันเดอร์ตามเดิม

    ตอนที่กลับไปเป็นอันเดอร์ เป็นช่วงที่ไมยันก้าวขึ้นไปเป็นเซนเตอร์พอดีค่ะ หลังประกาศซบส. ฉันเห็นเธอร้องไห้ เลยตัดสินใจบอกไปว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะคอยช่วยเหลือเสมอค่ะ"

    แม้ว่านากาชิมะเซย์ระจะกลับไปเป็นอันเดอร์อีกครั้ง แต่เธอก็ตั้งปณิธานไว้ว่าจะคอยสนับสนุนเพื่อนทุกคนเสมอ ไม่ว่าเธอจะยืนอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม

----------------------------

ไซโต้ อาสึกะ – น้ำตาของสาวน้อยที่ไหลริน
    ฉันเข้าวงโนกิซากะมาโดยไม่ได้คิดอะไรค่ะ"

    ไซโต้อาสึกะที่ขณะนี้ทำหน้าที่อยู่ในตำแหน่งซบส. เธอเล่าว่าตำแหน่งซบส.ในช่วงแรกนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรนัก แต่ความรู้สึก"เจ็บใจ"ครั้งแรกของเธอก่อตัวขึ้นตอนซิงเกิ้ลที่3 [Hashire! Bicycle]

    ตอนช่วงที่เรียนเพลงนี้กัน สมาชิกอันเดอร์ก็ได้แต่นั่งดูค่ะ ถ้าเทียบกับเพลง[Guruguru Curtain]หรือเพลง[Oide Shampoo]แล้ว เพลง[Hashire! Bicycle] เป็นเพลงเร็วที่ทำนองสดใสมากกว่า พอเห็นโนกิซากะได้ร้องเพลงแนวไอดอลจริงๆแล้วก็น้ำตาไหลเลยค่ะ เลยรู้ว่าตัวเองกำลังเจ็บใจอยู่"

    การแสดงครั้งแรกในงานจับมือรวม อันเดอร์ได้รับมอบหมายให้ถือม่านบังในขณะที่ซบส.กำลังแสตนด์บายรอ ตอนซ้อมสตาฟก็กำชับอันเดอร์ว่าถึงแม้เราจะแค่ถือม่านก็อย่าลืมยิ้มล่ะ แต่เอาเข้าจริงมันฝืนยิ้มไม่ได้เลย น้ำตามันไหลตลอด ทั้งๆที่เปิดตัวเพลงใหม่แท้ๆ"

    การต่อสู้ของไซโต้อาสึกะเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอสามารถก้าวเข้ามาในซบส.ได้ในซิงเกิ้ลที่4และ7 ตอนที่เธอไม่ถูกเรียกชื่อในซิงเกิ้ลที่8 เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรดี

    พอปีนขึ้นไปได้ไม่ทันไรก็ลื่นตกลงมา ความเป็นจริงของกำแพงซบส.ที่ทั้งสูงชันและแสนเศร้านั้น ช่างโหดร้ายเหลือเกิน

----------------------------

อิโต้ มาริกะ – การกลับใจของสาวน้อยผู้ไม่กระตือรือร้น
    เธอเล่าให้เราฟังว่าในช่วงวัยเด็กนั้นเธอเป็นคนที่ไม่กระตือรือร้นเอาเสียเลย

    ตอนเด็กฉันสังกัดเอเจนซี่นางแบบแต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ได้ไปออดิชั่นหลายครั้งแต่ก็ตกรอบหมดเพราะขาดความกระตือรือร้น ตอนนั้นในหัวไม่มีความรู้สึกท้าทายเลยค่ะ เพราะคิดว่ายังไงก็ไม่ผ่าน แล้วก็ไม่ผ่านจริงๆ ฉันอยากจะเป็นนางแบบ แต่ความสูงก็ไม่ถึง แล้วก็ไม่ได้อยากจะทำเท่าไหร่ เป็นคนที่ไม่ได้เรื่องเลยค่ะ"

    ทั้งๆอย่างนั้นอิโต้ก็ออดิชั่นโนกิซากะ46ผ่านมาได้ ในซิงเกิลที่3 [Hashire! Bicycle] เธอ ฟุคุกาวะไม และ วาคัทสึกิยูมิ ได้เข้ามาเป็นซบส.ครั้งแรกพร้อมกัน แต่ซิงเกิลที่4กลับมีแค่เธอเพียงคนเดียวที่หลุดลงไปอยู่อันเดอร์

    ฉันพยายามไม่พอค่ะ และเริ่มคิดว่าตัวเองไม่มีคาแรกเตอร์เลย ไม่เหมือนกับสองคนนั้น"

    จุดเริ่มต้นของมาริกะคือซิงเกิลที่5 การทำ "โคะจินPV” หรือหมายถึงการทำ PV ของแต่ละคน เพื่อโปรโมตตัวเอง และในตอนนั้นเอง [Marikka '17] ก็ได้กำเนิดขึ้นมา

    อิโต้ใส่เฮดโฟนและร้องเพลงบนระเบียง ซึ่งทั้งน่ารักและน่าประทับใจ ถ้าได้ดูครั้งหนึ่งก็ไม่มีทางที่จะลืมมันลงได้แน่นอน

    ถึงฉันจะไม่ได้อยู่ในซบส. แต่เพลง [Marikka '17] ก็กลายเป็นกระแสขึ้นมา มีหลายๆคนบอกว่าไม่รู้จักหน้าฉันแต่กลับรู้จักเพลงนี้ ฉันกลับเข้าไปในซบส.ในซิงเกิ้ลที่7 [Baretta] ซึ่งในMVฉันได้ท้าทายในการแสดงเป็นเด็กสาวที่ถูกยากูซ่าข่มขู่ กระแสตอบรับดีทีเดียวเลยค่ะ ตอนนั้นความกระตือรือร้นก็เริ่มต้นขึ้นมา แต่ซิงเกิลถัดมา กลับไปเป็นอันเดอร์เหมือนเดิม ก็กังวลใจอยู่เหมือนกันค่ะ"

    อิโต้มาริกะที่สลับไปมาระหว่างตำแหน่งซบส.และอันเดอร์ ไม่รู้วิธีการที่จะคลายความกังวลใจเช่นนี้ได้อย่างไร


---------------------

แปลจากนิตยสาร Nogizaka46 x Weekly Playboy
หน้า054-058